การหมั่นสังเกตอาการ และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอรวมถึงการปรึกษารับคำแนะนำจากแพทย์เมื่อสังเกตพบอาการผิดปกติจะเป็นการป้องกันให้คนเองปลอดจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่านอนใจถ้าคุณมีอาการเหล่านี้
? ปวดท้องเรื้อรัง? ถ่ายอุจาระมีมูก หรือ มีเลือดปน? การขับถ่ายอุจจาระผิดปกติ บางครั้งท้องผูก บางครั้งท้องเสีย? น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ? มีญาติใกล้ชิด เป็นเนื้องอก หรือมะเร็งลำไส้สำหรับสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ประการแรกคือ กรรมพันธุ์ที่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการทำรูปแบบชีวิตให้แข็งแรงและมีภูมิต้านทาน แต่ก็มีผู้ป่วยไม่น้อยที่ไม่มีประวัติด้านกรรมพันธุ์แต่ก็ป่วยด้วยโรคนี้ ซึ่งนั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งใช้ชีวิตที่มีไลฟ์สไตล์แบบผิดๆ เช่น ไม่ออกกำลังกาย ทำงานหนัก ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย เครียด รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เส้นใยอาหารน้อย หรือ ไม่กินอาหารที่มีไฟเบอร์เลย เป็นต้นความน่ากลัวที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น ภัยเงียบ ของโรคนี้ ก็เพราะในระยะแรกๆ ของการป่วย ผู้ป่วยจะไม่สามารถทราบได้เลยว่า ตนเองกำลังถูกมะเร็งร้ายคุกคามอยู่ เพราะแทบจะไม่มีอาการใดๆ บ่งบอกทั้งสิ้นการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การใช้ชีวิตอย่างมีภูมต้านทานแบบง่ายๆ คือ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำมากๆ ประมาณ 2.5 ? 3 ลิตร ต่อวัน และกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ที่สำคัญที่สุดคือ การตรวจร่างกายซึ่งสำคัญมาก เพียงแต่การตรวจร่างกายประจำปี ตั้งแต่อายุ 30 ปี ส่วนมะเร็งลำไส้ควรตรวจตอนอายุ 50 ปี เพื่อที่เมื่อหากมีอาการแล้วจะได้รับการรักษาได้ทันท่วงที รู้ถึงหนทางป้องกัน และทางรักษาโรคนี้โดยเฉพาะการตรวจร่างกาย การเช็คสุขภาพ ที่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและรับมือแต่เนิ่นๆ? ผู้ที่มีความเสียงดังต่อไปนี้ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ก่อนที่จะมีอาการเกิดขึ้น? ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ โดยเฉพาะญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ ป้า น้า อา ลุง รวมถึงปู่ ย่า ตา ยาย บุคคลเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ และควรได้รับการตรวจเมื่ออายุ 38 ปี? ผู้ที่มีการตรวจวินิจฉัยแล้วพบเซลล์ผิดปกติ ในระยะเริ่มต้น POLYPS? ผู้ป่วยที่เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอุจจาระ หรือลำไส้ใหญ่อักเสบ? ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่? ผู้ที่มี 50 ปี หรือมากกว่านั้น สมควรจะได้รับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ใหญ่